อาบป่า
อาบป่าหรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า”ชินรินโยคุ” หมายถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินป่า เดินป่า ปีนเขา และเดินเล่นในป่าคือการได้รับความรู้สึกสดชื่น ความเบิกบานใจ การเยียวยา ฯลฯ โดยใส่ตัวเองเข้าไป เมื่อคุณเดินเข้าไปในป่าคุณจะรู้สึกสดชื่น ความรู้สึกปลอดภัยสามารถรับได้ทางจิตใจและการเดิน ฯลฯ เมื่อรวมกับการเผาผลาญแคลอรี่เนื่องจากการออกกำลังกาย ระบบร่างกายเริ่มปรับเข้าสู่สภาวะสมดุลขึ้น ป่าทำให้ร่างกายอบอุ่น เกิดอาการผ่อนคลายจากน้ำมันระเหยของต้นไม้ที่ปล่อยออกมา อาการรู้สึกสดชื่นในป่าส่วนใหญ่เกิดจาก “อากาศในป่า” ต้นไม้กระจายอยู่ในป่าเต็มไปด้วยสารอะโรมาติกที่เรียกว่าสารไฟโตไซด์(Phytoncide)
ไฟตอนไซด์คือน้ำมันระเหยง่ายที่ต้นไม้ปล่อยออกมาฆ่าเชื้อแบคทีเรียในอากาศ แต่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ บรรเทาความ
เครียดและผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ ขณะที่มนุษย์หายใจขณะอาบป่าอากาศที่บริสุทธิ์เต็มไปด้วยไฟตอนไซด์ในป่าทำให้เลือดบริสุทธิ์และกระตุ้นการเผาผลาญอาหาร ทำให้ของเสียในร่างกายถูกขับออกได้ง่ายขึ้น จากนั้นภูมิคุ้มกันของร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้นและทำงานได้ดีขึ้น คำอธิบายในทางวิทยาศาสตร์ว่าพลังบำบัดธรรมชาติในการรักษาความเจ็บป่วยและอาการบาดเจ็บนั้นได้กระตุ้นให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ที่มาของคำว่าชินรินโยคุหรืออาบป่า
คำว่า อาบป่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดยนายโทโมฮิเดะ อากิยามะ ผู้อำนวยการสำนักงานป่าไม้ สำนักงานป่าไม้ต้องการเพิ่มมูลค่าของป่าโดยให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นเยี่ยมชมและผ่อนคลาย
ในปีค.ศ.1992 อาจารย์มิยาซากิ โยชิฟูมิ ได้ทำการทดลองโดยการตรวจหาระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลที่เกี่ยวข้องกับความเครียดในน้ำลาย เพื่อใช้วัดความเครียดและการผ่อนคลายและในที่สุดการอาบป่าจึงมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับในที่สุด อาจารย์มิยาซากิเคยพูดประเด็นที่น่าสนใจว่า “ประวัติศาสตร์ของมนุษย์กินเวลาประมาณ 7 ล้านปี และมนุษย์ใช้เวลาส่วนใหญ่ไป 99.99% ในธรรมชาติ ยีนของมนุษย์ได้รับการดัดแปลงโดยธรรมชาติ และสิ่งนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดสองสามศตวรรษหลังการปฏิวัติอุตสาหกรรม ชีวิตในสังคมยุคใหม่มีความเครียดเพราะร่างกายของมนุษย์มีการปรับตัวตามธรรมชาติ”
เมื่อมนุษย์ออกห่างจากธรรมชาติจะเกิดภาวะเครียดทั้งแบบรู้ตัวและไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นมนุษย์กลุ่มนี้มีความต้องการปรับสภาพร่างกายจากความเครียด ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความต้านทานต่อโรคโดยการใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเข้าใจผิดอีกมากมาย การอาบน้ำในป่าไม่สามารถรักษาโรคต่างๆ เช่น มะเร็งได้ แน่นอนว่า ไข้หวัดใหญ่ไม่สามารถรักษาได้ และในกรณีนี้ การอยู่ในป่า (ที่มีอุณหภูมิต่ำ) อาจทำให้อาการป่วยแย่ลงได้ อย่างไรก็ตาม การอาบป่าช่วยสร้างร่างกายที่แข็งแรงต้านทานโรคภัยไข้เจ็บได้
ใครบ้างที่น่าจะได้รับประโยชน์จากการอาบป่ามากที่สุด?
อาจารย์มิยาซากิเคยให้สัมภาษณ์ว่าโดยพื้นฐานแล้วเป็นคนที่อ่อนแอต่อการเจ็บป่วย เพื่อยกตัวอย่างง่ายๆ ความดันโลหิตสูงสามารถบรรเทาได้ด้วยการบำบัดทางธรรมชาติในสังคมสมัยใหม่ คนหนุ่มสาวมีความเชื่อมโยงกับธรรมชาติน้อยลงและดูเหมือนจะอยู่ภายใต้ความเครียดมากกว่าที่เคยเป็นมา ร่างกายมนุษย์ได้รับการปรับให้เข้ากับธรรมชาติโดยธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจ ปัจจุบันภาวะซึมเศร้าในเด็กกำลังเพิ่มสูงขึ้น เราทำการทดลองกับนักเรียนมัธยมปลายและขอให้พวกเขาดูดอกกุหลาบและไม้ใบ มีการแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นผ่อนคลายทางสรีรวิทยาเพียงแค่ดูพืช
ปกาเกอะญอกับการอาบป่า(ตลอดชีวิต)
การใช้ชีวิตของปกาเกอะญอมีความใกล้ชิดกับธรรมชาติเป็นอย่างมากจึงเกิดคำหรือวลีที่มีความหมายในลักษณะที่มนุษย์กับธรรมชาตินั้นรวมเป็นหนึ่งเดียวกันโดยไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เช่นคำว่า “เอาะทีเก่อตอที เอาะก่อเก่อตอก่อ” หมายถึง กินน้ำรักษาน้ำ กินจากธรรมชาติรักษาธรรมชาติ เป็นคำที่เรียบง่ายแต่มีนัยยะสำคัญคือการใช้กับการรักษาจะไม่แยกออกจากกันกันใช้ก็คือการรักษาและการรักษาที่ดีที่สุดคือการใช้ โจทย์สำคัญคือใช้อย่างไรให้เกิดการรักษาในตัวมันเองได้ ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดคือ ผึ้ง ผึ้งเป็นแมลงที่ขณะที่มันกำลังเก็บเกสรอยู่นั้นมันก็ช่วยต้นไม้ในการผสมเกสรด้วยในเวลาเดียวกันการใช้ของผึ้งกับการรักษาจะไม่ได้ถูกแยกออกจากกัน ขอยกตัวอย่างอีกตัวอย่างคือต้นไม้ ต้นไม้ เป็นพืชที่ใช้ทรัพยากรโลกและรักษาโลกเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน เพราะฉะนั้นมนุษย์จำเป็นต้องทบทวนการใช้ร่างกายและรักษาร่างกายต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน การอาบป่าเป็นการรักษาร่างกายและจิตใจโดยการใกล้ชิดกับธรรมชาตินั่นหมายความว่าถ้ามนุษย์อยากมีชีวิตที่ยืนยาวและมีลูกหลานที่มีชีวิตที่สุขภาพดีในอนาคตก็ต้องรักษาต้นไม้และป่าใม้ให้อุดมสมบูรณ์ตลอดไป
ภาพถ่ายโดยฤทธิ์วิสุทธิ์ ตั้งเกษมศักดิ์
อ้างอิงจาก:
หนังสือ Shinrin-Yoku by Miyasaki Yoshifumi
https://www.nippon.com/ja/people/e00140/
https://www.shinrin-ringyou.com/topics/shinrin_therapy.php
after I read a few sentences above I got useful information for me