ความเป็นมาของหมู่บ้านห้วยหินลาดใน

บ้านห้วยหินลาดในเรียกตามลักษณะของลำห้วยที่เป็นหินลาดลงตามห้วย  เป็นชนเผ่าปกาเกอะญอ  ไม่ได้มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่แน่นอนว่าได้ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อไหร่   แต่จากการสอบถามผู้อาวุโสที่สุดในหมู่บ้าน  ทราบว่าหมู่บ้านห้วยหินลาดในมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๕๐  ปีมาแล้ว  จากคำบอกเล่าสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ผู้นำประเพณี(ฮี่โข่)หมู่บ้านจนถึงคนที่ ๓ (คนปัจจุบันอายุ ๗๐ กว่า)  บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งชุมชนคือนายสุกา  ปะปะ  ซึ่งอพยพมาจากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่  

เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๑๒๕๑๒ มีการแยกครอบครัว  บางส่วนไปอยู่ห้วยหินลาดนอก  เพราะสะดวกในการทำนา  บางส่วนก็ตามไปอยู่กับพี่น้องบ้านท่าขี้เหล็ก  เพราะไปหาที่ทำนา

ปีพุทธศักราช ๒๕๔๓ ได้รวมหมู่บ้าน  ห้วยหินลาดนอก,  ห้วยหินลาดใน, ผาเยือง, ห้วยทรายขาว   ประกาศเป็นหมู่บ้านทางการ    ห้วยหินลาดในเป็นหมู่บ้านหลัก  เมื่อวันที่    กันยายน  ๒๕๔๓  มีผู้ใหญ่บ้านดำรงตำแหน่งจนถึงปัจจุบันแล้ว ๓ คน ปัจจุบันนายดวงดี ศิริ  ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน

รางวัลระดับนานาชาติ

Forest Heroes

นายปรีชา ศิริ ได้รับรางวัลจากสหประชาชาติด้านสิ่งแวดล้อม เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรป่าไม้ ชื่อรางวัล  “United Nations Forest Hero Award” ในปีพ.ศ.๒๕๕๖

https://www.un.org/esa/forests/outreach/forest-heroes/asia-pacific/index.html

การจัดการป่าชุมชนบ้านห้วยหินลาดใน

จากสภาพป่าบ้านห้วยหินลาดในเป็นสภาพป่าสมบูรณ์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ที่หลากหลายและเป็นแหล่งต้นน้ำแม่ลาวที่ไหลลงสู่แม่น้ำโขง ชุมชนหินลาดในมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณีที่มีความผูกพันกับป่าที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ  ทำให้การจัดการทรัพยากรป่ามีความเคารพต่อวิถีธรรมชาติ  เน้นความสมดุลธรรมชาติที่อย่างยั่งยืน ต่อมาในช่วงปี  พ.ศ.๒๕๒๙–๒๕๓๑ ได้มีการสัมปทานป่าไม้  ทำให้ต้นไม้ใหญ่ ๆ  ของชุมชนได้ถูกตัดไปหลายต้น  ซึ่งเป็นการหลบหลู่ความเชื่อและความรู้สึกของชุมชนเป็นอย่างมาก ทำให้การต่อสู้เพื่อรักษาผืนป่าในขณะนั้น  เป็นการขอร้องไม่ให้ตัดไม้ในพื้นที่รัศมีหมู่บ้านแต่ไม่เป็นผล    จนกระทั่งได้มีการประกาศยกเลิกการสัมปทานป่าไม้  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๐  ชุมชนบ้านห้วยหินลาดในยังคงเผชิญกับกฎหมายป่าไม้ที่ไม่เป็นธรรม กล่าวคือตอนประกาศพื้นที่เขตป่าสงวนไม่มีการลงพื้นทีดูว่ามีชุมชนอาศัยอยู่ก่อนหน้านั้นหรือไม่ จึงเกิดการเรียกร้องและทำความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ยังไม่ได้รับการแก้ไข  ทำให้การดำรงวิถีชีวิตที่ขาดความมั่นใจในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย   ทำให้ต้องออกไปต่อสู้เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหา   เรื่องป่าไม้และที่ดินร่วมกันกับเครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือ(คกน.) ในช่วงวันที่  ๑๖ ธันวาคม  ๒๕๓๙ ซึ่งได้ทราบข่าวจากสถานีวิทยุกระจายเสียง  พากษ์ภาษา ปกาเกอญอ  และไปร่วมเรียกร้องร่วมกับสมัชชาคนจนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล   จำนวน ๙๙ วัน  ซึ่งมีมติครม.ของรัฐบาลที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาในแนวทางปฏิบัติก็ยังไม่ชัดเจนในขณะนี้ จากการที่ชุมชนได้มีการจัดการทรัพยากร  ตามประเพณีไนช่วงแรกซึ่งเป็นการจัดการตามความเชื่อและการเคารพต่อธรรมชาติ  ซึ่งได้เริ่มพัฒนากฎระเบียบชุมชน 

เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า ขึ้นมาใหม่  และจำแนกพื้นที่ทำกิน  พื้นที่ป่าและที่อยู่อาศัยขึ้นอย่างชัดเจน  เพื่อเป็นแบบอย่างในการเรียกร้องให้เกิดการยอมรับคนอยู่กับป่าจากคนภายนอกและรัฐบาล   องค์กรในชุมชนจากเดิมมีผู้นำทางธรรมชาติเป็นผู้กำหนดตามความเชื่อทางวัฒนธรรม  ทำให้ต้องมีการจัดโครงสร้างของคณะกรรมการในการดูแลรักษาป่าขึ้นมาใหม่   ซึ่งทำให้ชุมชนต้องมีความระมัดระวังในเรื่องของความขัดแย้งจากคนภายนอก  และหมู่บ้านใกล้เคียงในการใช้ประโยชน์จากป่าร่วมกัน

กฎระเบียบป่าชุมชน
ห้ามตัดไม้ขายในเขตป่าชุมชนและเขตป่าอนุรักษ์
ห้ามล่าสัตว์ป่าในเขตป่าอนุรักษ์และป่าชุมชนในระยะรัศมี ๑ กิโลเมตร
ห้ามบุกรุกและทำลายป่าในเขตป่าต้นน้ำ
ห้ามเผาป่าเพื่อประโยชน์ใดๆ (ยกเว้นพื้นที่ทำกิน ไร่หมุนเวียนในระยะเวลาที่กำหนด)
ห้ามใช้เครื่องมือ  ตาข่ายดักนกและกาวจับนกและเบื่อปลายในแหล่งน้ำในเขตป่าชุมชน

วิธีจัดการป่าโดยวิถีภูมิปัญญาชาวบ้าน

  • พึ่งพาและให้ความเคารพต่อธรรมชาติ
  • ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรบนกติกาที่พัฒนาขึ้นจากกการมีส่วนร่วมของชุมชน
  • สร้างเขตพื้นที่การใช้ประโยชน์ พื้นที่เขตหวงห้าม โดยมีส่วนร่วมจากชุมชน
  • จัดการทรัพยากรบนฐานประสบการณ์ องค์ความรู้ ภูมิปัญญา
  • สร้างจิตสำนึกการจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืนโดยองค์กรชุมชน
หินลาดใน

คนกับป่าพึ่งพาอาศัยกันด้วยความสมดุล

  • ผลผลิตจากป่า มาใช้เพื่อการบริโภคเป็นหลัก เช่นหน่อไม้ พืชผัก หางหวาย เห็ด 
  • ผลผลิตจากป่าบางชนิด ได้ขายและเป็นรายได้เสริมของชุมชน โดยให้มีการหักเข้ากองทุนชุมชนส่วนหนึ่ง เพื่อเป็นกองทุนในการดูแลทรัพยากรต่อไป  เช่น หน่อไม้  น้ำผึ้ง มะขม
  • ใช้ทรัพยากรจากป่าเพื่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและเชื้อเพลิงหุงต้ม ด้วยระเบียบกติกาของชุมชน
  • ใช้ยาสมุนในป่าเพื่อการรักษา โดยความรู้ ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
  •  

ประเพณีและวัฒนธรรม

  • การแต่งกาย เป็นเอกลักษณ์วัฒนธรรม ของชาติพันธุ์ ปกาเก่อญอ
  • ประเพณีประจำปี เป็นการเชื่อทางจิตวิญญาณโดยการปฏิบัติร่วมของชุมชน
  • ประเพณีพิธีกรรม การเคารพซึ่งธรรมชาติและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิบัติโดยร่วมของชุมชน
  • พิธีกรรมความเชื่อ การเคารพธรรมชาติ โดยครอบครัวและด้วยตัวบุคคล
  • พิธีกรรมในครัวเรือน การนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ (ผีปู่ย่า)
  • ประเพณีพิธีกรรม ที่นับถือปฏิบัติในไร่นา เคารพต่อแม่น้ำ ป่า 
  • ความเชื่อและจารีตความสัมพันธ์ต่อธรรมชาติ แม่น้ำ ต้นไม้ และสัตว์ป่า

การผลิตระบบวนเกษตร

  • มีการปลูกพืชผสมผสานหลากหลายชนิด เน้นพืชยืนต้นเป็นหลัก
  • ปลูกพืชที่มีความยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • มีกฎระเบียบการจัดการที่ดิน และข้อห้ามเรื่องการเสี่ยงต่อสภาพแวดล้อม
  • เพื่อการบริโภคและเป็นรายได้ของชุมชน
Scroll to Top